ผักโขม (Amaranth)
ผักโขมมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ : Amaranrhus licidus Linn.
ผักโขมมีชื่อเรียกตามภาคต่างๆดังนี้ : ภาคเหนือเรียกผักโหมเกลี้ยง, กระเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอนเรียก กระเหม่อลอเดอ
ถิ่นกำเนิดของผักโขม : ผักโขมมีถิ่นกำเนิดจากหลายที่ เช่นประเทศแอฟริกาตะวันตก อเมริกา เม็กซิโก กรีซ และจีน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของผักโขม : ผักโขมเป็นพืชชนิดล้มลุกปีเดียว ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่คล้ายสามเหลี่ยม ขอบใบเรียบออกแบบสลับลำต้นตรงสีเขียว แตกกิ่งก้านสาขามาก ดอกเป็นช่อสีม่วงปนเขียวออกตามซอกใบ ส่วนเมล็ด เป็นสีน้ำตาลเกือบดำ
ฤดูกาลที่เหมาะสมในการปลูกผักโขม : ใบอ่อนและยอดอ่อนออกในฤดูฝน
แหล่งปลูกของผักโขม : มักพบได้ทั่วไป ตามธรรมชาติ หรือขึ้น ตามสวน สวนผลไม้ หรือสวนผัก และตามป่าละเมาะ
การกินผักโขม : ยอดอ่อนและใบอ่อน ลวกหรือต้ม จิ้มกับน้ำพริก ทำเป็นแกงจืด หรือผัดกับกระเทียมได้
คุณประโยชน์และสรรพคุณทางยาของผักโขม :
- ต้นแก้อาการแน่นหน้าอก และไอหอบ
- ส่วนใบสดใช้รักษาแผลพุพอง
- ราก ใช้แก้คัน ถอนพิษไข้
- ราก ช่วยดับร้อน ขับเสมหะ และขับปัสสาวะ
- ในผักโขมมีสารที่ชื่อว่า ซาโปนิน ซึ่งจะช่วยลดคอเรสเตอรอล
- ในผักโขมมีเบต้าแคโรทีนสูงช่วยป้องกันมะเร็งได้เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ
- ในผักโขมมีวิตามินเอสูง ช่วยเรื่องบำรุงสายตาได้ดี
- ช่วยเรื่องการขับถ่าย เพราะในผักโขมมีกากใยอยู่มาก ทำให้ขับถ่ายได้ดีลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ได้
- ช่วยบำรุงผิวและป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้ เพราะนอกจากวิตามินเอแล้วในผักโขมยังมีวิตามินซีสูงด้วย
- ช่วยชลอความเสื่อมของเซลล์และบำรุงเลือด
คุณค่าทางอาหาร ผักโขม 100 กรัม
- ให้พลังงาน 43 kcal ประกอบด้วย
- คาร์โบไฮเดรต 7 g
- ไขมัน 8 g
- โปรตีน 2 g
- แคลเซียม 341 mg
- เหล็ก1 mg
- ฟอสฟอรัส 76 mg
- Vitamin B1 0.01mg
- วิตามินบี 2 0.37 mg
- ไนอะซิน 8 mg
- เบต้าแคโรทีน 76 ไมโครกรัม(µg)