โดยเพื่อนบำเพ็ญหญิง ฮุย-มิง โทห์ อ็อกแลนด์ นิวซีแลนด์ (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)
คุณเคยเปิดตู้เย็น หยิบพาสต้ามา 20 จาน แล้วก็โยนทิ้งไปในถังขยะ แล้วทานเพียงจานเดียวหรือไม่? แล้วคุณเคยทำลายพื้นที่ป่าดงดิบจำนวน 55 ตารางเมตรเพื่อใช้เป็นอาหารกลางวันหนึ่งมื้อ หรือเทน้ำ 2,500 แกลลอนลงในท่อน้ำทิ้งหรือไม่? แน่นอนคุณไม่เคยทำ แต่การทานเนื้อสัตว์เพียงครึ่งกิโลกรัมก็เสมือนกับทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น การทานเนื้อสัตว์เป็นการทำลายทรัพยากร และเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความทุกข์แสนสาหัสกับสัตว์ และมีผลกระทบทางลบต่อสุขภาพของเรา ดังนั้นถ้าได้ยินถึงการย่างสุนัขเพื่อไว้ทานกับมันฝรั่งบดทำให้คุณรู้สึกหดหู่ แล้วทำไมเราถึงย่างสัตว์ที่อ่อนโยนอื่น ๆ ด้วย?
ทะเลสาปของเสีย
ฟาร์ม เซอร์เคิล ฟอร์ ผู้ผลิตเนื้อสุกรในรัฐยูท่า เป็นเจ้าของทะเลสาปของเสียจำนวน 3 ล้านตัน เมื่อน้ำในทะเลสาปเช่นนี้เอ่อทะลักเข้าไปในแม่น้ำและทะเลสาปอื่น ๆ ซึ่งได้เคยเกิดขึ้นแล้วในรัฐนอร์ธ คาโรไลน่าเมื่อปี 2538 ผลที่เกิดขึ้นก็คือความหายนะทางสิ่งแวดล้อม
รายงานขององค์การสหประชาชาติได้ระบุว่า “วัว มิใช่รถยนต์ ที่เป็นอันตรายอันดับหนึ่งต่อสิ่งแวดล้อม” ซึ่งได้ให้เหตุผลว่าฝูงวัวที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้สร้างอันตรายที่น่ากลัวที่สุดให้กับสภาวะอากาศ ป่าไม้ และสัตว์ป่า การปศุสัตว์ผลิตของเสียมากกว่าประชากรสหรัฐอเมริกาทั้งหมดถึง 130 เท่า และของเสียเข้มข้นเหล่า นี้ทำน้ำเน่า ทำลายดินชั้นบน และทำลายอากาศของเรา มากไปกว่านั้น กลุ่มก๊าซจากผิวหนังและปุ๋ยมูลของวัว ปลดปล่อยก๊าซมีเทนจำนวนหนึ่งในสามของทั้งหมด ซึ่งทำให้โลกเราอุ่นเร็วขึ้นกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 20 เท่า ผู้ทานเนื้อสัตว์เป็นต้นเหตุ100เปอร์เซนต์ของการผลิตของเสียเหล่านี้ในอัตรา 86,000 ปอนด์ต่อวินาที อย่างไรก็ตาม ด้วยการละเลิกเนื้อสัตว์ คุณจะไม่ใช่ผู้รับผิดชอบในสิ่งเหล่านี้
นอกจากนี้ การบริโภคเนื้อสัตว์ของเรายังส่งผลกระทบต่อปริมาณทรัพยากรที่ทดแทนไม่ได้ น้ำในปริมาณ 2,500 แกลลอนจำเป็นในการผลิตเนื้อวัว แต่ละปอนด์ ในทางตรงกันข้าม เราใช้น้ำเพียงแค่ 29 แกลลอนในการผลิตมะเขือเทศหนึ่งปอนด์ และใช้น้ำ 139 แกลลอนสำหรับการผลิตขนมปังธัญพืชจำนวนหนึ่งปอนด์ น้ำในปริมาณครึ่งหนึ่ง และ 80 เปอร์เซนต์ของพื้นที่กสิกรรมในสหรัฐอเมริกา และผลิตผลถั่วเหลืองเกือบทั้งหมด และธัญพืชในปริมาณกว่าครึ่งหนึ่งในโลกนี้ ถูกใช้ไปกับการเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหาร ในขณะที่เรากำลังทำสิ่งนี้อยู่ ผู้คนจำนวน 1,000 ล้านคนกำลังอดอยาก และขาดสารอาหาร และมีเด็กจำนวน 24,000 คนที่เสียชีวิตในแต่ละวันข้าง ๆ ไร่ธัญพืชที่ถูกนำไปเลี้ยงสัตว์ในปศุสัตว์ทางซีกตะวันตกของโลก อย่างไรก็ดี การขาด แคลนอาหารในโลกนี้จะถูกกำจัดไปถ้าทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ของเรานั้นถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเปลี่ยนที่ดินไปใช้ในการปลูกพืชเพื่อเลี้ยงประชากรโลก
เหยื่อของความอดอยาก ในโซมาเลียเข้าแถว รอรับอาหาร การผลิดเนื้อวัวหนึ่งปอนด์ ต้องใช้ธัญพืชจำนวน 4.8 ปอนด์ และนักวิจารณ์ระบบกสิกรรมแผนใหม่ ของเราได้กล่าวไว้ว่าการแพร่ขยายการบริโภคเนื้อสัตว์นั้น จะทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารขึ้นในโลก
คุณทราบหรือไม่ว่ามีสัตว์จำนวน 130 ล้านตัวที่ถูกฆ่าในแต่ละปีที่นิวซีแลนด์? สัตว์ส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงในโรงงานฟาร์มซึ่งเป็นระบบที่ให้ผลผลิต ในปริมาณมากที่สุดแต่เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ผลที่ได้ก็คือ สัตว์เหล่านั้นจะได้รับเคราะห์กรรม อันแสนสาหัส ทั้งทางจิตใจ และทางร่างกายในทุก ๆ วินาทีของชีวิต พวกเขาถูกจับให้เบียดเสียดกัน ในที่ขังสกปรกแคบ ๆ ไม่มีหน้าต่าง และไม่เคยอยู่กับครอบครัว เดินเล่นบนพื้นดิน หรือทำอะไรได้ตามธรรมชาติ ไม่เคยได้สัมผัสถึงแสงอาทิตย์ที่แผ่นหลังของพวกเขา หรือสูดอากาศบริสุทธิ์ จนกว่าจะถึงวันที่พวกเขาถูกขนขึ้นบนรถบันทุกเพื่อไปโรงฆ่า มีสัตว์จำนวนมากกว่า 90 ล้านตัวที่นิวซีแลนด์ที่ต้องทนทุกข์กับสภาพเช่นนี้ และหลาย ๆ ชีวิตยังมีความรู้สึกเมื่อถูก ปาดคอแล้วถูกปล่อยให้เลือดไหลจนกระทั่งเสียชีวิต
การปฏิบัติอันโหดเหี้ยมอีกอย่างคือการไม่ให้อาหารกับสัตว์ปีกเป็นเวลา 14 วันเพื่อกระตุ้นร่างกายพวกเขาให้ออกไข่มากขึ้นเพื่อใช้เป็นอาหารให้กับมนุษย์ และเนื่องจากไก่ตัวผู้ไม่มีประโยชน์ในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ พวกเขาจำนวน 100 ล้านตัวในแต่ละปีถูกบดเป็น ๆ หรือถูกโยนเข้าไปในถุงให้ขาดอากาศหายใจ อะไรอื่นอีก ที่โรงฆ่า ไก่จะถูกปาดคอ และพวกเขาจะถูกถลกหนังศรีษะเป็น ๆ และพวกเขาจะถูกจุ่มลงไปในน้ำร้อนเพื่อถอนขนในขณะที่พวกเขาส่วนมากยังมีชีวิต
แม้ในปัจจุบันนี้ คนเลี้ยงวัวยังทำสัญลักษณ์ ให้กับวัวด้วยการกดเหล็กเผาไฟ บนผิวหนังในขณะที่พวกเขาโอดร้องด้วยความเจ็บปวด ผลที่ตามมาก็คือการเผา ไหม้ระดับสาม และอัณฑะของวัวตัวผู้ ถูกตัดออกโดยไม่มีการใช้ยาชา นอกจากนี้ บริเวณที่ฝูงวัวถูกเลี้ยงนั้นเต็มไปด้วยสารเคมี ควันพิษเหล่านี้ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ ซึ่งทำให้การห ายใจของพวกเขาทรมาน
วัวถูกทำให้ท้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้สามารถผลิตน้ำนมได้ และลูกวัวจะถูกแยก ออกไปเพื่อให้คนสามารถดื่มนมวัวจากการคลอดลูกวัวโดยตรง เครื่องรีดนมจะถูกนำมา ติดกับแม่วัวหลาย ๆ ครั้งในแต่ละวัน และใช้วิธีดัดแปลงพันธุกรรม ใช้ฮอร์โมนกำลังสูง และการรีดนมอย่างรุนแรง พวกเขาถูกบังคับให้ผลิตน้ำนมมากกว่าตามธรรมชาติ 10 เท่า สิ่งนี้ ส่งผลให้แม่วัวกว่าครึ่งต้องทุกข์ทรมานทุกวันจากการอักเสบที่เต้านมอย่างรุนแรง
สัตว์ในอุตสาหกรรมฟาร์มไม่มีกฎหมายปกป้องจากความโหดร้ายทารุณ ซึ่งจะเป็น สิ่งผิดกฎหมายถ้าเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงตามบ้าน เช่นการถูกละเลย การดัดแปลงพันธุกรรม การใช้ยาที่ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดเรื้อรัง การพิการ และการฆ่าอย่างโหดเหี้ยม นายโรเบิร์ต ลุยส์ สตีเวนสัน นักประพันธ์ และกวี ได้กล่าวไว้ว่า
“เราบริโภคซากศพ ของสิ่งมีชีวิต ที่มีความอยาก ความรู้สึก มีอวัยวะเหมือน ๆ กับเรา”
แม้กระนั้น การที่สัตว์ถูกเลี้ยงในฟาร์มก็ไม่ได้ด้อยกว่าในด้านความฉลาด หรือความรู้สึกเจ็บปวด ไปกว่าสุนัขหรือแมวที่เราเอ็นดูอย่างเพื่อนคู่กาย
สิ่งนี้บ่งบอกได้จากรายงาน บ่อยครั้งเกี่ยวกับวัวที่ข้ามรั้วสูง 6 ฟุตเพื่อหลบหลีกโรงฆ่าสัตว์ เดินเป็นระยะทาง 7 ไมล์เพื่อไปหาลูก และว่ายข้ามแม่น้ำเพื่อความเป็นอิสระ สุกรก็มีความฉลาดด้วยเช่นกัน จากการวิจัยของ ดร.โดนอลด์ บรูม ทีปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ให้กับรัฐบาลอังกฤษ “[สุกร]มีความสามารถในการจดจำในระดับสูง อาจจะเหนือกว่าสุนัข และเด็กสามขวบอย่างแน่นอน”
ก้าวที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อรักษาโลกของเรา และลดความทุกข์ ทั้งของสัตว์และมนุษย์ ก็คือการเป็นมังสวิรัติ อาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ นั้นอุดม ไปด้วยคาร์โบไฮเดรตชนิดซับซ้อน โปรตีน ไยอาหาร โอเมก้า 3 ไวตามินและสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์ สร้างนิสัยการทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี หลักฐานสำคัญที่สามารถพบได้ในหนังสือ “การวิจัยในประเทศจีน” โดยศาสตราจารย์ ที. คอลิน แคมป์เบลล์ ซึ่งกล่าวไว้ว่า “ภายใน 10 ปีข้างหน้า สิ่งที่เราจะได้ยิน ก็คือโปรตีนจากสัตว์นั้น เป็นสารอาหารที่เป็นพิษ ที่อันตรายที่สุด… ความเสี่ยงกับโรคนั้นสูง ขึ้นอย่างน่าใจหายเมื่อได้ทานโปรตีน จากสัตว์เพียงเล็กน้อย”
การวิจัยหลาย ๆ ชิ้นได้กล่าวไว้ว่าเด็กมังสวิรัตินั้นมีไอคิวที่สูงกว่าเพื่อนร่วมชั้นอื่น ๆ และผู้เป็นมังสวิรัติ มีชีวิตยืนยาวกว่าคนทานเนื้อสัตว์ 6 ถึง 10 ปี นอกจากนี้ พวกเขามีโอกาส เป็นโรคหัวใจ และโรคมะเร็งน้อยกว่า50เปอร์เซนต์ สิ่งที่เพิ่มขึ้น คนทานเนื้อสัตว์มีโอกาส อ้วนมากกว่าคน เป็นมังสวิรัติ 9 เท่า อาหารมังสวิรัติให้สารอาหารทุกชนิดที่เราต้องการ ยกเว้นไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล และของเสีย
ในทางกลับกัน หลาย ๆ คนได้โต้แย้งว่าพืชก็เป็นสิ่งมีชีวิตด้วยเหมือนกัน สิ่งนี้ก็เป็นความจริง แต่พืชมีจิตสำนึกเพียง 10 เปอร์เซนต์ ในขณะที่สัตว์มีจิตสำนึกเท่ากับมนุษย์ เนื่องจากพืชไม่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองได้ ความรู้สึกจากความเจ็บปวดจึงเป็นเพียงผิวเผิน ดังนั้น พืชจึงต่างกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างสิ้นเชิง ถ้าเราเด็ดก้านไม้เพียงก้านเดียว หรือเด็ดใบไม้ เขาจะดำรงชีวิตอยู่ได้และเติบโตต่อไป ในทางตรงกันข้าม สัตว์นั้นไม่ปรารถนา ที่จะถูกตัดอยู่เป็นประจำ คุณสามารถตัดขาวัวหนึ่งตัว และตั้งความหวังว่าขา ใหม่จะงอกออกมาอีกได้หรือไม่?
การเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารนั้นสร้างความยุ่งเหยิงให้กับโลก สิ่งแวดล้อม ทรัพยากร และสุขภาพของเรานั้นเสื่อมลง และแม้ว่าเราส่วนใหญ่จะไม่ได้เป็นผู้ฆ่าสัตว์โดยตรง มนุษย์ได้สร้างนิสัยที่ได้รับการสนับสนุนจากสังคมให้ทานเนื้อสัตว์โดยไม่ตระหนัก ให้ถ่องแท้ว่าสัตว์นั้นได้รับอะไรบ้าง มันได้ถูกกล่าวไว้ว่า “ถ้าคนได้เยี่ยมชมโรงฆ่าสัตว์ เขาจะกลายเป็นมังสวิรัติตลอดชีวิต เพราะว่ามันคือเราเอง ที่สร้างเสียงร้องโอดครวญจากความเจ็บปวด และความกลัว ของพวกเขา” ดังนั้น ถ้าคุณตัดสินใจที่จะย่างสัตว์ที่น่าเอ็นดูอีกครั้ง… จำไว้ว่าคุณกำลังทานเนื้อของสัตว์ ที่เปรียบเสมือนเนื้อของสัตว์อันเป็นที่รักของคุณ แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ สัตว์ตัวนี้ ได้ถูกทำทารุณกรรม
* ผู้เขียนเป็นนักเรียนในชั้นมัธยมปีสุดท้ายวัย 17 ปี บทความนี้คือการประเมินภายในซึ่งผู้เขียนได้รับรางวัลผลการเรียนดีเลิศ
Leave a Reply