ผักกาดหอมโอ๊คลีฟ (Oak Leaf Lettuce) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lactuca sativa var. crispa ลักษณะโดยทั่วไป ผักกาดหอมโอ๊คลีฟ ใบมีลักษณะบา ขอบใบหยัก มีทั้งสีเขียวและแดง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีฟเอเชีย และยุโรป เป็นพืช ฤดูเดียว มีลำต้นอวบสั้น ช่วงข้อถี่ ใบจะเจริญ จากข้อเป็นกลุ่ม
ผักกาดหอมโอ๊คลีฟ มีระบบรากแก้วที่สามารถเจริญลงไปในดินอย่างรวดเร็ว ช่อดอกเป็นแบบ panicle สูง 2-4 ฟุต ประกอบด้วย ดอก 10-25 ดอกต่อช่อ เป็นดอกสมบูรณ์เพศกลีบดอกสีเหลือง หรือขาวปนเหลือง ดอกจะบานช่วงเช้า และเป็นในระยะสั้น โดยเฉพาะในช่วงที่อุณหภูมิต่ำ
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
สภาพอากาศ ผักกาดหอมโอ๊คลีฟ เป็นพืชที่ต้องการสภาพอากาศเย็น อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 10-24’C ในสภาพภูมิอากาศสูง การเจริญ เติบโตทางใบจะลดลง และพืชสร้างสารคล้ายน้ำนม หรือยางมาก เส้นใยสูงเหนียว และมีรสขม
ดินที่เหมาะสมต่อการปลูก ควรร่วนซุย มีความอุดมสมบูรณ์ และมีอินทรีย์วัตถุสูง หน้าดินลึก และอุ้มน้ำได้ดีปานกลาง สภาพความเป็น กรด-ด่างของดินอยู่ระหว่าง 6-6.5 พื้นที่ปลูกควรโล่ง และได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ เนื่องจากใบผักกาดหอมมีลักษณะบาง ไม่ทน ต่อฝน ดังนั้นในช่วงฤดูฝนควรปลูกใต้โรงเรือน
การใช้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร
ผักกาดหอมโอ๊คลีฟ เป็นพืชที่นิยมบริโภคสด โดยเฉพาะในสลัด หรือกินกับยำ นำมาตกแต่งในจานอาหาร แต่สามารถประกอบ อาหารได้ในบางชนิด ผักกาดหอมมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก และมีิวิตามินสูง โดยเฉพาะผักกาดหอมที่มีใบสีแดง นอกจากนี้จังให้ ฮีโมโกลบิน(hemoglobin) ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง บรรเทาอาการ ท้องผูก เหมาะสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
การปฏิบัติดูแลรักษาผักกาดหอมโอ๊คลีฟในระยะต่างๆ ของการเจริญเติบโต
การเตรียมดิน ขุดดินตากแดดและโรยปูนขาว หรือโดโลไมท์ อัุตรา 0-100 กรัม/ตร.ม. ทิ้งไว้ 14 วัน ให้วัชพืชแห้งตาย ขึ้นแปลงกว้าง 1 ม. ใส่ปุ๋ย 12-24-12 และ 15-0-0 อัตรา 50 กก./ไร่(รองพื้น) ปุ๋ยคอกอัตรา 2-4 ตัน/ไร่
การเตรียมกล้า เพาะกล้าในถาดหลุมแบบประณีต ดินเพาะควรมีการระบายน้ำดี อายุกล้าประมาณ 3-4 อาทิตย์
การปลูก ระยะปลูก 30×30 ซม. 3 แถว ในฤดูร้อน และ 40×40 ซม. 3 แถว ในฤดูฝน(เพื่อป้องกันการระบายของโรค)
ข้อควรระวัง
- อย่าปลูกในหลุมใหญ่หรือลึก เพราะน้ำอาจขังหากการระบายน้ำไม่ดี อาจทำให้เน่าเสียหาย
- อย่างเหยียบหลังแปลงเพาะ จะทำให้ดินแน่น พืชเติบโตได้ไม่ดี
- กล้าควรแข็งแรง อายุไม่เกิน 30 วัน เมื่อย้ายปลูก
- ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ตามคำแนะนำ
- ก่อนใส่ปูนขาว หรือดินโดโลไมท์ต้องวัน pH ก่อนช่วงเตรียมดิน
- หลังย้ายกล้าในฤดูฝนให้ระวังหนอนกระทู้ดำและจิ้งหรีด
การให้น้ำ ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอต่อการเจริญเติบโต การให้ไม่ควรเกินไป อาจทำให้เกิดโรคโคนเน่า
การใส่ปุ๋ย หลังปลูก 7 วัน ใส่ปุ๋ย 46-0-0 หรือผสม 15-15-15 อัตรา 50 กก./ไร่ อย่างละครึ่ง พร้อมกำจัดพืช หลังปลูก 20-25 วัน ใส่ปุ๋ย 13-13-21 พร้อมกำจัดวัชพืช ขุดร่องลึก 2-3 ซม. รัศมีจากต้น 10 ซม. โรยปุ๋ย 1/2 ช้อนโต๊ะ กลบดินแล้วรดน้ำ
ข้อควรระวัง
- ควรฉีดพ่น แคลเซียม และโบรอน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันอาการปลายใบไหม้(Tipburn) บางพื้นที่มีปัญหาขาดธาตุรอง
- การพรวนดิน ระวังอย่ากระทบเทือนรากหรือต้น เพราะจะมีผลต่กการเข้าปลีที่ไม่สมบูรณ
- ควรเตรียมแปลงปลูกโดยใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักหปริมาณที่มาก
- ไม่ควรปลูกซ้ำที่
การเก็บเกี่ยว เมื่ออายุได้ประมาณ 40-60 วัน หลังย้ายปลูก ใช้หลังมือกดดูถ้าหัวแน่นก็เก็บได้(กดยุบแล้วกลับคืนเหมือนเดิม) ใช้มีด ตัดและเหลือใบนอก 3 ใบ เพื่อป้องกันความเสียหายในการขนส่ง หลีกเลี่ยงการเก็บเกี่ยวตอนเปียกควรเก็บเกี่ยวตอนบ่ายหรือค่ำ แล้วผึ่งลม ในที่ร่ม และคัดเกรด ป้ายปูนแดงที่รอยตัดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคเข้าสู่หัว อย่าล้างผัก บรรจุลงลังพลาสติก
ข้อควรระวัง
- ในฤดูฝนเก็บเกี่ยว ก่อนผักโตเต็มที่ 2-3 วัน เพราะเน่าง่าย
- เก็บซากต้นนำไปเผาหรือฝังลึกประมาณ 1 ฟุต ป้องกันการระบาดและสะสมโรคในแปลงปลูก
โรคและแมลงศัตรูที่สำคัญของผักกาดหอมโอ๊คลีฟในระยะต่างๆของการเจริญเติบโต
ระยะกล้า 20-25 วัน โรคกล้าเน่า, โรครากปม,
ระยะย้ายปลูก-ตั้งตัว 25-30 วัน โรคใบจุด, โรครากปม,
ระยะเจริญเติบโต 30-35 วัน โรคใบจุด, โรครากปม,
ระยะเก็บเกี่ยว 45-55 วัน โรคใบจุด, โรครากปม,
Leave a Reply