วันนี้จะมาพูดถึงดอกไม้กินได้โดยดอกไม้นอกจากเราจะนำไปตกแต่งเพื่อความสวยงามแล้ว รู้กันหรือไม่ว่า ดอกไม้บางชนิด สามารถนำมารับประทานกันได้อีกด้วย โดยดอกไม้ที่กินได้มีอะไรบ้างดังนี้

  1. ดอกกุหลาบมอญ เป็นพืชไม้พุ่มขนาดเล็ก ใบเป็นรูปไข่ ปลายใบแหลม ตามขอบจักเป็นฟันเลื่อย ตามกิ่งและลำต้นมีหนาม มีดอกออก เป็นช่อๆ 3-4 ดอกที่ปลายกิ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ดอก จะออกได้ตลอดทั้งปี และ จะมีสีแดง หรือสีชมพู มีกลิ่นหอม กลีบเรียงซ้อนกันอย่างหลวมๆ โดยสี่ดอก นำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยได้ หรือ นำมาทำ ใส่อาหาร เช่นต้มยำกุ้ง หรือจะนำมาทำดอกไม้ประดิษฐ์ และบุหงาแห้ง
  2. ดอกเข็ม ดอกเข็มมีด้วยกันหลายสีเช่น สีชมพู สีแสด สีแดง สีเหลือง และสีขาว ดอกเข็มที่ใช้ทำ อาหาร คือ ดอกเข็ม เล็กๆ ได้แก่ เข็มแดง เข็มชมพู และ เข็มขาว ดอกเข็ม จะมีน้ำหวาน ตรงโคนดอก ส่วนเข็มเศรษฐี ดอกใหญ่ ไม่นิยม นำมากิน สมัยก่อน คน มักจะ นำ ดอกเข็ม มาชุบแป้ง ข้าวเจ้า และใส่น้ำปูนใส คลุกกับ กะทิเล็กน้อย แล้วทอด ทำเป็นเครื่องเคียง กินกับ ขนมจีนน้ำยา และเด็กๆ ชอบ นำ มาเล่น โดยการ ดูดน้ำหวาน ดอกเข็ม ส่วนใหญ่ออกดอกตลอดปี และจะ ออกดอกดี ในช่วง ฤดูฝน รสชาติ ดอกเข็ม ไม่ขม แต่มีความมัน
  3. ดอกดาวเรือง ดอกดาวเรืองเป็น พืชไม้พุ่มอายุสั้น ใบมีกลิ่นฉุน ออกเป็นช่อแบบขนนก ตรง กันข้ามเป็นคู่คู่ กลีบดอกสี หรือเหลือง ดอกเป็นกระจุก ลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 50 cm มีถิ่นกำเนิด อยู่แถบ อเมริกาใต้ ดอกดาวเรือง มีคำคล้อง จอง กับคำว่ารุ่งเรือง ซึ่งหมายถึง ทำให้ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง จึงมีคน นำมาใช้ในงานมงคล ต่างๆ นอกจากนั้น ยังสามารถ นำมากินได้อีกด้วย โดยเลือกเฉพาะ ดาวเรืองสีเหลือง โดยทางภาคเหนือ ใช้กินกับลาบ กลีบดอกดาวเรืองบาน ใช้ยำกับกุ้ง
  4. ดอกลั่นทม คนโบราณไม่นิยมปลูกดอกลั่นทมไว้ในบ้าน เพราะว่า คนส่วนใหญ่ มองว่า ชื่อ ลั่นทม ไปคล้องกับคำว่าระทม เส้นหมายถึงความโศกเศร้า แต่ในปัจจุบันนี้ลั่นทมถูกเปลี่ยนชื่อใหม่ ว่า ลีลาวดี ซึ่งคนทางภาคเหนือเรียกว่า ดอกจำปาลาว ดอกลั่นทม จะ ขึ้น ดก ในช่วงฤดู ฝน มากกว่า ช่วงฤดูอื่นๆ และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ มีหลายสี คือ สีชมพูอมขาว สีขาว สีแดง สีแดงเหลือง และสีชมพูเป็นต้น ซึ่งสีขาวแยกได้ 2 ชนิด คือ ชนิดดอกเล็ก มีสีเหลือง กลีบหนา และชนิดดอกใหญ่ จีบบาง ข้างในกลีบ ห่างกว่าชนิดดอกเล็ก ดอกใหญ่สีขาว สามารถนำมา ทำ เป็น อาหาร ชุบแป้งทอด เป็นเหมือดขนมจีนน้ำพริก แต่ในส่วนของก้านดอกบริเวณที่ติดกับกลีบเลี้ยง ต้องตัดออก เพราะตรงส่วนนี้ มีรสขม แต่ถ้าเป็น ดอกสีอื่นๆ ไม่นิยมนำมากิน
  5. ดอกมะลิ ดอกมะลิเป็นพืชไม้พุ่มขนาดกลาง สูงประมาณ 5 ฟุต ดอกมีสีขาวกลิ่นหอม ใบหม่อนป้อม ปลายใบแหลมขอบใบเรียบไม่มีจัก โคนสอบ มีสีเขียวเป็นมัน มะลิมีทั้ง ดอกซ้อนและไม่ซ้อน มะลิเป็นดอกไม้ที่ได้รับ การนิยม ใช้บูชาพระ และ ใช้เป็นสัญลักษณ์ของแม่ และใช้ลอยน้ำ เพื่อ เอากลิ่นผสมน้ำ ใช้ดื่มและ ผสมในน้ำเชื่อม ใส่ขนม หรือ ดอกมะลินำมาตากแห้ง ชงน้ำดื่มแทนชา กลิ่นหอมของ ข้าวตู ซาหริ่ม หรือถั่วกวน ก็ได้ส่วนผสมมาจาก ความหอมของ ดอกมะลิ และ ดอกกระดังงาไทย ลนไฟ ในน้ำเชื่อม
  6. ต้างหลวง สีดอกต้าน เป็นพืชไม้ พื้นถิ่นทางภาคเหนือ ลักษณะดอก เป็นช่อกลม มีสีเหลืองอมขาว ชาวเหนือนิยมนำดอกอ่อน มา ทำแกงแค ร่วมกับผักชนิดต่างๆ แกงใส่หัวปลี และ แกงกับ ปลาแห้งก็ได้ หรือ นำดอกอ่อน มา ต้มให้สุกหรือลวก กินเป็นผักจิ้มกับน้ำพริกตาแดงน้ำพริกปลาร้า ได้เช่นกัน
  7. ดอกพวงชมพู ดอกพวงชมพูเป็นดอก พืชไม้เลื้อย ลำต้น หรือเถา จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีมือสำหรับเกาะพันธุ์ต้นไม้ หรือกิ่งไม้เพื่อการทรงตัว ดอกพวงชมพูจะออกดอก เป็นช่อ รวมกัน เป็นกลุ่ม ขึ้นตามซอกใบ ปลายยอด และง่ามกิ่ง ส่วนปลายยอดสูง จะเป็นมือเกาะ ดอกจะมี ทรงลักษณะคล้ายรูปหัวใจดอก มีกลีบ3กลีบ สีชมพูสดใส ขนาดเล็กขึ้นง่าย และเมื่อเก็บจากต้นแล้ว จะ เหี่ยว เร็ว นิยมนำดอกพวงชมพู มาชุบแป้งทอด เป็นเหมือดกิน กับ ขนมจีนน้ำพริก มีรสมันและขมเล็กน้อย
  8. ดอกบานไม่รู้โรย ดอกบานไม่รู้โรยเป็นพืชไม้ล้มลุก ลักษณะโคนต้น เอนราบกับดิน แต่ลำต้นตั้งตรง มีสีแดง และมีรากตามข้อ กิ่งอ่อนมีขนอยู่ทั่วไป ลักษณะดอกจะเล็ก ออกเป็นกระจุกกลมๆ จำนวนมากบนก้านช่อ โดยจะมี หลาย สี เช่นสีชมพูสีขาวและสีแดง เป็นต้น โดยมาก ใช้คู่กับดอกรักเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงในชีวิตคู่ ซึ่งนักประดิษฐ์ดอกไม้ รู้จักดอกบานไม่รู้โรยดี เพราะใช้ทำ พาน และพุ่ม แต่คนโบราณหลายท่าน เอาดอกบานไม่รู้โรย ปลาชุบแป้งทอดทำเป็นเหมือดขนมจีน น้ำพริก ให้รสชาติ มัน และอร่อย ซึ่งหลายคนคงไม่คิดว่าดอกบานไม่รู้โรยกินได้