สะตอ (Pakria)

สะตอ ภาษาอังกฤษ คือ Pakria

ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของสะตอ คือ Pakria speciosa Hassk.

สะตอมีชื่อเรียกได้หลายชื่อดังนี้ สะตอ, กะตอ สตูล เรียกว่า “ปาไต” ยะลาจนถึงปัตตานี เรียกว่า ปะตา, ปัดเต๊าะ

ถิ่นกำเนิดของสะตอ : สะตอส่วนมากจะมาจากทางภาคใต้ของประเทศไทยและแถบประเทศอินโดนีเซียมาเลเซีย

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของสะตอ : สะตอเป็นพืชไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูงประมาณ 30 เมตร ลำต้นจะเป็นสีน้ำตาลแดงตั้งตรงซึ่งมีกิ่งก้านอ่อนโดยจะมีขนปกคลุม ซึ่งออกเป็นกระจุก และฝักอ่อนจะมีสีเขียวซึ่งเมื่อฝักแก่ จะเปลี่ยนสีเป็นสีดำเมล็ดของสะตอจะมีรูปร่างลักษณะกลมรีและแบนเรียงกัน ซึ่งนิยมปลูกกันมากจะมี 2ชนิด คือสะตอดานและสะตอข้าวซึ่งสามารถอธิบายได้ตามลักษณะ ของทั้ง 2ชนิดดังนี้

  1. สะตอดาน จะมีลักษณะเป็นกระดานฝักแบนตรง ปากจะเป็นสีเขียวแก่มีขนาดใหญ่ และหนากว่าสะตอข้าว ฝักหนึ่งจะมี 10 ถึง 20 เมล็ดขนาดใหญ่ ซึ่งจะมี 8-15 ฝัก โดยจะขึ้นเป็นช่อ ใน 1 ช่อ จะมีประมาณ 8-15 ฝัก เนื้อเมล็ดแน่น รสชาติมัน และมีกลิ่นฉุนจัด สะตอดาน จะให้ผล ออกฝักได้ ต้องมีอายุ ประมาณ 6-7 ปี ซึ่ง จะสามารถเก็บ เกี่ยว ได้นาน หลายปี
  2. สะตอข้าว ผลผลิตจะเก็บได้เมื่ออายุประมาณ 5-6ปี ฝักจะสั้นกว่าสะตอดานทำให้มีเมล็ดเล็ก และฝักเล็กกว่า เป็นเกลียว ในแต่ละช่อจะมี 7-20ฝัก โดยจะมีประมาณ 10 ถึง 20เมล็ดใน 1ฝัก และกลิ่นไม่ฉุน เนื้อมันไม่แน่น

ฤดูกาลของสะตอ : สะตอ จะ ปลูกได้ดีในฤดูฝน

แหล่งปลูกของสะตอ : สะตอส่วนมากจะพบได้ในบริเวณเนินเขาหรือบนเขาทางภาคตะวันออกแถบจังหวัด ระยองจันทบุรีตราดและแถบภาคใต้

การกินของสะตอ : ยอดอ่อนและเมล็ดกินเป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริกหรือแกล้มกับอาหารรสจัดได้ และยังนำมาปรุงเป็นอาหารได้อีกหลายชนิด แกงกะทิ ผัดเห็ดใส่กุ้ง ผัดเปรี้ยวหวาน แล้วยังนำมาดองเก็บไว้กินนานๆได้

คุณประโยชน์และสรรพคุณทางยาของสะตอ :

  1. เมล็ดสะตอ กินป้องกันโรคเบาหวาน
  2. ขับปัสสาวะ (เมล็ดสะตอ)
  3. ยังช่วย ให้เจริญอาหาร (เมล็ดสะตอ)

คุณค่าทางอาหารของเมล็ดสะตอ 100 กรัมประกอบด้วย

  1. พลังงาน 130 กิโลแคลอรี่ (Kcal)
  2. แคลเซียม 76 มิลลิกรัม (mg)
  3. เหล็ก 0.7 มิลลิกรัม (mg)
  4. เส้นใหญ่ 0.5 กรัม (g)
  5. ฟอสฟอรัส 83 มิลลิกรัม (mg)
  6. Vitamin B111 มิลลิกรัม (mg)
  7. Vitamin A 194 IU
  8. Vitamin C 6 มิลลิกรัม (mg)