มะม่วงหิมพานต์ (Cashew)

มะม่วงหิมพานต์ ภาษาอังกฤษ คือ Cashew

มะม่วงหิมพานต์มีชื่อเรียกตามภาคต่างๆดังนี้ เชียงใหม่เรียกว่า มะม่วงไม่รู้หาว, มะม่วงหิมพานต์, มะม่วงสิโห อุตรดิตถ์เรียกว่า “มะม่วงกาสอ” ระนองเรียกว่า มะม่วงเล็ดล่อ, มะม่วงยางหุย ภาคใต้: ตำหยาว, ท้ายล่อ, ม่วงล่อ, กะแตแหล, กาจู, ยกร่อง และกาหยู มาลายูแถบสุราษฎร์ธานีเรียกว่า มะม่วงทูนหน่วย หรือ ส้มม่วงทูนหน่วย มาลายูแถบนราธิวาส เรียกว่ากะแตแก เงี้ยวแถบแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “มะโห” อุดรธานีเรียกว่า หมากม่วงหิมพานต์, ยาโหย, ยาโอย และหมักม่วงหิมพานต์

ถิ่นกำเนิดของมะม่วงหิมพานต์ : มะม่วงหิมพานต์ มาจากแถบประเทศบราซิล

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของมะม่วงหิมพานต์ : มะม่วงหิมพานต์ เป็นพืชไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบขนาดกลาง มีความสูง  6-12 เมตรและเป็นพืชไม้ตระกูลเดียวกับ มะม่วง เนื้อไม้อ่อน กิ่งก้านเป็นพุ่มแผ่โดยรอบ มียางสีเหลืองเหนียวใส กิ่งก้านเป็นพุ่มแผ่โดยรอบ เปลือกลำต้นสีน้ำตาล ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียวเข้มหนา ใบรูปไข่กลับปลายมนป้าน ฐานแหลม ยาว 7.5 ถึง 19 cm กว้าง 6-11 cm ออกแบบสลับ  ดอกออกเป็นช่อตามปลายกิ่งเกสรตัวเมียและตัวผู้อยู่ในดอกเดียวกันกลีบดอกสีขาวมี 5 กลีบเมื่อดอกบานจะกลายเป็นสีชมพูส่วนของฐานรองดอก เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่ จะกลายเป็นผลในที่สุด และจะขยายใหญ่พองโตคล้ายกับชมพู่ ซึ่งโดยมากจะเรียกกันว่าผลเต้าหรือผลปลอม และเมื่อสุกจะเป็นสีแดงคล้ำหรือสีเหลือง และมีกลิ่นหอม รสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน ส่วนของดอก ที่ได้รับการผสมเกสรที่ส่วนปลายสุดของผลปลอม แล้วจะเจริญเป็นเมล็ดหรือผลจริง รูปร่างคล้ายไต โดยระยะแรกจะเป็นสีม่วง แล้วจะกลายเป็นสีเขียวอ่อน เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดลดลงเล็กน้อย แต่เมื่อแก่จัด เปลือกจะ เปลี่ยน เป็นสีเทา และแข็ง

ฤดูกาลของมะม่วงหิมพานต์ : มะม่วงหิมพานต์ จะเติบโตดีในฤดูฝน

แหล่งปลูกของมะม่วงหิมพานต์ : ภาคอีสานที่จังหวัดหนองคายยโสธรนครราชสีมาภาคใต้ ที่จังหวัดระนองกระบี่และพังงา ภาคตะวันออก ที่จังหวัด ระยองจันทบุรี และชลบุรี

การกินของมะม่วงหิมพานต์ : ใบอ่อนและยอดอ่อน คนอีสาน กินแก้มกับก้อย ลาบ ป่นปลา หรือ กินเป็นผักเหนาะ ร่วมกับน้ำพริก และขนมจีนน้ำยาแกงเผ็ด เมล็ดนำไปเผาไฟคั่วให้สุก สามารถ ผัด หรือยำร่วมกับอาหารอื่นได้ และกินเป็นของว่างได้หรือนำไปเป็นส่วนผสมทำเบเกอรี่ต่างๆ

สรรพคุณทางยาของมะม่วงหิมพานต์ :

  1. ใบ เป็นยาแก้อาการท้องร่วง หรือ
  2. ใบ เป็นยาสมานลำไส้
  3. ใบสด เผาสูดเอาควัน แก้ไอเจ็บคอ
  4. ใบแก่ บดใส่แผล ถูกไฟไหม้ หรือ
  5. ใบแก่ บดใส่แผลน้ำร้อนลวก
  6. ราก เป็นยาสมานแผลหรือ
  7. แก้โรคท้องร่วง (ราก)
  8. เมล็ด แก้โรคผิวหนังกลากเกลื้อนได้

คุณค่าทางอาหารของใบมะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม

  1. ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี่ (Kcal) ประกอบด้วย
  2. เบต้าแคโรทีน 103 ไมโครกรัม (µg)
  3. Vitamin B1 01 มิลลิกรัม (mg)
  4. Vitamin B201 กรัม (g)
  5. คาร์โบไฮเดรต 23.1 กรัม (g)
  6. Vitamin C 89 กรัม (g)
  7. ไนอะซิน 1.4 มิลลิกรัม (mg)
Advertisements