9ผักกาดแก้ว (Iceberg Lettuce)
ผักกาดแก้วมืชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์คือ : Lactuca sativavar var. capitata
ผักกาดแก้วมีชื่อเรียกได้หลายชื่อดังนี้ : คือ ผักสลัด ผักสลัดแก้ว ผักกาดหอม
โดยผักกาดแก้วมีถิ่นกำเนิดมาจาก : ทวีปยุโรป และ ทวีป เอเชีย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของผักกาดแก้ว : โดยผักกาดแก้วเป็นพืชชนิดล้มลุก ใบสีเขียวอ่อน ลำต้นเป็นกอ ขอบใบ หยักและบางกรอบ ม้วนห่อเป็นหัว แบบหลวมๆ ทางทวีปยุโรป เรียกว่า lceberg ก็เนื่องมาจาก ที่กรุบกรอบ เหมือนอย่างก้อนน้ำแข็ง ไอซ์เบิร์กนั่นเอง
ฤดูกาลที่เหมาะสมของผักกาดแก้ว : ส่วนมากจะมีในช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึง เดือนธันวาคม
โดยแหล่งปลูกของผักกาดแก้ว : จะปลูกได้ดี ในพื้นที่อากาศเย็น เช่น ทางภาคเหนือของประเทศไทย เช่นโครงการเกษตรพื้นที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ส่งเสริมให้ชาวเขา ปลูกผักกาดแก้ว โดยใช้ตราสัญลักษณ์ ดอยคำ เป็นเครื่องหมายการค้า และมีการปลูก ตามดอยต่างๆ
การกินผักกาดแก้ว : นิยมกินเป็นผักสด แกล้มกับ ยำ ลาบ หรือสาคูไส้หมู เป็นต้น หรือนำมา ใส่ ใน แฮมเบอร์เกอร์ และ แซนวิช หรือ ผักกาดแก้วนำมาผัดไฟแดงได้ แต่ส่วนใหญ่ คนจะนำผักกาดแก้ว มาใช้ในการทำสลัดมากที่สุด จึงได้ชื่อว่า”ราชาแห่งสลัด” และใช้เป็นผักตกแต่ง หัวจานอาหาร ส่วน เมล็ด นำมาทำเป็นน้ำมัน ผสมน้ำสลัดได้
คุณประโยชน์และสรรพคุณทางยาของผักกาดแก้ว :
- น้ำผักกาดแก้ว ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น
- น้ำผักกาดแก้ว ยังเป็นยากล่อมประสาท หรือยานอนหลับ และ
- น้ำผักกาดแก้ว แก้เมาเรือ
- น้ำผักกาดแก้ว แก้ไอ และ
- ในผักกาดแก้ว ยังมีฮีโมโกลบิน ที่ช่วย ต้านมะเร็ง และ รักษาโรคโลหิตจางโดยเฉพาะในหญิงมีครรภ์ อีกทั้งยัง
- ช่วยแก้อาการท้องผูก ได้อีกด้วย และ
- ผักกาดแก้ว ยังเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะมีคาร์โบไฮเดรตเพียง 3 เปอร์เซ็นต์หรือน้อยกว่า
คุณค่าทางอาหาร ผักกาดแก้ว 100 กรัม
- ให้พลังงาน 27 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย
- คาร์โบไฮเดรต 3.8 กรัม (g)
- แคลเซียม 16 มิลลิกรัม (mg)
- โปรตีน 2 กรัม (g)
- ไขมัน 0.4 กรัม (g)
- เหล็ก 4.9 mg
- ฟอสฟอรัส 39 มิลลิกรัม (mg)
- น้ำ 92.7 กรัม (g)
- ไนอะซิน 0.6 มิลลิกรัม (mg)
- ไทอะมิน 0.06 มิลลิกรัม (mg)
- ไรโบฟลาวิน 0.18 มิลลิกรัม (mg)
- วิตามินเอรวม 393
- วิตามินซี 24 มิลลิกรัม (mg)
- วิตามินอี 1.82 มิลลิกรัม (mg)
- เบต้าแคโรทีน 2356 ไมโครกรัม (µg)