เมล่อน อยู่ในตระกูล Cucurbitaceae ได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งพืชตระกูลแตง”กันเลยทีเดียว เพราะเป็นพืชที่มีรสหวาน กลิ่นหอม อร่อย โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบทวีปแอฟริกา
โดยเมล่อนจะสามารถแบ่งออกเป็น 5กลุ่ม
- C. melon var.cantaloupensis กลุ่ม Cantaloupe โดยสีของเนื้อเป็นสีส้ม เปลือกจะมีลักษณะผิวขรุขระ เป็นร่องยาว มีน้ำหนักประมาณ 1 – 3 กก.
- C. melon var. recticulatus กลุ่ม Persian melon, musk melon โดยสีของเนื้อเป็นสีส้ม หรือ สีเขียว เปลือกจะมีลักษณะเป็นตาข่ายสานกัน เป็นลายนูน และจะมีขนาดเล็กกว่าแคนตาลูป
- C. melon car.conomon กลุ่ม oriental picking melon
- C. melon var.inodorus กลุ่ม winter melon เป็นเมลอนผิวเรียบ
- C. melon var,flexuosus กลุ่ม snak melon เป็นกลุ่มของแตงไทย ที่เราคุ้นเคยกัน
โดยเมล่อนจัดว่าเป็นพืชที่โตได้ในดินหลากหลายชนิด แต่ด้วยความที่เมล่อนไม่สามารถอยู่ในน้ำขังได้
แต่ต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอ สภาพดินที่เหมาะสมเลยเป็นดินร่วนปนทราย เพราะระบายน้ำได้ดี และไม่อมน้ำ
แต่ในเมลอนที่มีอายุมากจะต้องการน้ำที่ลดน้อยลง
และค่า pH ที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วง 6.5 – 7 หรือเป็นกลาง และเหมาะกับสภาพอากาศ
โดยรากของเมล่อนจะมีระบบรากแก้วที่อาจลงไปในดินลึกถึง 120ซม.
และมีรากอยู่เยอะในแนวนอน ซึ่งอยู่ลึกลงไปในดินประมาณ 30ซม.
ไม่ร้อนจนเกินไป อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 25 – 35 องศาเซลเซียส
ต้องการแสงแดดที่เพียงพอให้อบอุ่น และความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ
การเตรียมดิน
- ดินที่ปลูก ควรเป็นดินร่วนปนทราย
- หลังจากได้ดินแล้ว ก็เริ่มไถหน้าดิน ให้ลึกประมาณ 20-30ซม.
- ตากแดดทิ้งไว้ เพื่อฆ่าเชื้อโรค 13 – 15วัน โดยจำต้องปิดโรงเรือนที่ปลูกให้สนิท
พยายามไม่ให้มีอากาศถ่ายเท เพราะเราต้องการเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้น
- หลังจากนั้น ดูค่า pH ที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วง 6.5 – 7 ถ้าดินเป็นกรดให้ใส่ปูนขาวช่วย
- ให้ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก และปุ๋ยรองพื้นสูตร 15-15-15 ประมาณ 40-60 กิโลกรัม/ไร่ และทำการไถแปร
- หลังจากนั้นให้พรวนดิน พร้อมกับยกแปลงให้สูงขึ้น 35 ซม. สันแปลงห่างกัน 1.5เมตร
- วางสายน้ำหยด ในลักษณะหงาย ให้น้ำ เพื่อความชุ่มชื่นของดิน
- คลุมด้วยพลาสติก เพื่อรักษาความชื้นให้กับดินและกับวัชพืข พร้อมกับเจาะหลุมปลูกไว้ให้ห่างกันประมาณ 50 x 60 ซม.
แต่ถ้าหากดินนั้น เคยปลูกเมล่อนมาหลายครั้งติดต่อกัน
ควรทำตามขั้นตอนดังนี้ก่อน
- ควรจะ พักการเพาะปลูกประมาณ 2-4เดือน
- เปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นบ้าง เช่นพืชตระกูลถั่ว
- ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา พร้อมกับปุ๋ยคอก ในการช่วยปรับปรุงสภาพของดิน
วิธีการเพาะกล้าเมล่อน
1.การบ่มเมล็ด
- การบ่มเมล็ดให้เริ่มเหมือนการบ่มทั่วๆไปคือ แช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำผสมอโทนิค (ต้องไม่แช่จนมากเกินปริมาณน้ำ) โดยอัตราส่วนคือ น้ำ1ลิตรกับอโทนิค 1 cc. แช่เมล็ด20นาที
- เมื่อแช่จนครบกำหนดเวลาแล้ว ให้วางบนผ้าขาวบาง หรือกระดาษเพาะกล้า
- นำถุพลาสติกมาห่ออีกครั้งและเก็บไว้ในที่มิดชิด และอยู่ในอุณหภูมิประมาณ 27-30 องศาเซลเซียส ใช้เวลา1วัน
2. เพาะกล้า
- นำดินใส่ลงไปในถาดเพาะกล้า โดยให้วางทำมุม 45องศา ในแนวนอน โหยให้รากแทงลงในดิน ต้องระวังไม่ให้รากอ่อนเสียหาย และกลบด้วยดินเล็กน้อย พร้อมกับรดน้ำให้ชุ่ม
- หลังจากนั้น นำถาดเพาะกล้าไปเก็บในที่ๆมีแสงแดด หรือเก็บโรงเพาะกล้า
- ในระยะ 10-15วัน ต้องรดน้ำให้ชุ่มอยู่ตลอดทุกวัน
3. ย้ายกล้า
- เริ่มย้ายตั้งแต่อายุไม่เกิน 15วัน หรือ เห็นใบแท้ออกมาได้ประมาณ 2ใบ
สิ่งที่ควรทำและต้องระวังในระหว่างย้ายกล้า
- ก่อนย้ายกล้าลงแปลงปลูก ต้องรดน้ำแปลงปลูกให้ชุ่มเป็นเวลา 2วัน
- ควรระวังไม่ให้รากขาดหรือได้รับการกระทบกระเทือนมาก เพราะจะทำให้การเจริญเติบโตไม่ดี
- ฉีดยาป้องกันเชื้อรา
- หากต้องย้าย ไปที่ห่างกันมากๆ เมื่อไปถึง ต้องพักต้นกล้าก่อนอย่างน้อย 1-2วัน
- ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการย้ายกล้า คือช่วงเย็น เพราะอากาศจะไม่ร้อน
- ความกว้างของหลุมปลูก ควรมรขนาดพอๆกับหลุมถาดเพาะกล้า
- กลบดินต้นกล้าเมื่อย้ายเสร็จแล้ว
การขึ้นยอดและเตรียมค้าง
- ช่วงเวลาที่ควรใช้ในการขึ้นยอดที่สุดคือช่วงเช้า
- การจัดเถาของเมล่อนคือ 1เถา ต่อ เมล่อน 1ต้น และเมื่อเริ่มออกยอด ให้ทำการพันยอดไว้กับเชือก พยายามอย่าปล่อยให้ยอดเลื้อย ควรทพอย่างน้อย 2วัน/ครั้ง
การเด็ดแขนง
- หลังย้ายแปลงปลูกเสร็จแล้วประมาณ 9-1วัน ให้เด็ดแขนงข้อที่ 1-8ออก
- ช่วงเวลาที่ควรทำคือช่วงเช้า และควรทำในช่วงที่ขนาดยังไม่ใหญ่ เพราะแผลจะแห้งเร็วกว่า หลังจากนั้น พ่นกันเชื้อราในตอนเย็น
- การเด็ดแขนงมีส่วนช่วยทำให้ ยอดเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น
ไว้แขนงก่อนผสม และ การตัดแต่งแขนง
- เด็ดยอดแขนงให้เหลือ 2ใบ
- เลี้ยงแขนงข้อ 9-12 เพื่อไว้ผสม เหนือจากข้อ 12 ให้เด็ดแขนงย่อยออก
- ในข้อ 25 ให้เด็ดใบให้เหลือประมาณ 22- 25 ใบ
ผสมเกสร
- ช่วงเวลาท่ี่เหมาะสม แก่การผสมเกสรคือ ช่วง 7โมง ถึง 10โมง เช้าของวัน
- ให้เลือกผสมดอก 2-3 แขนง/ต้น
- ผสมน้ำกับนูริช อัตราส่วน 15 cc. ต่อน้ำ 20ลิตร โดยพ่นทุกๆ 3วัน เป็นเวลา 2อาทิตย์
- โดยดอกตัวผู้จะอยู่บริเวณข้อบนของลำต้น
- จดบันทึกจำนวนดอกที่ผสม อาจจะหาอะไรพันไว้เพื่อกำหนดวันที่จะเก็บเกี่ยวของแต่ละต้น
การแขวนผล และการคัดเลือก
- ยึดผลกับค้างที่ไว้ใช้ยึดต้นเมล่อน และใช้เชือกคล้องที่ขั้วผล เพื่อรองรับน้ำหนัก
- ให้เลือกผลที่มีรูปทรงไข่ ผลสมบูรณ์, ใหญ่, ไร้รอยขีดข่วน
- ไม่มีโรคและแมลง
- เมื่อคัดได้ลูกที่ดีที่สุดแล้ว ควรตัดที่เหลือทิ้ง ให้เหลือเพียงแค่ ผลเดียวเท่านั้น
- ภายหลังที่ผสมเกสร 18วัน ควรเพิ่มปุ๋ยและน้ำ เพื่อให้ผลเจริญเติบโตได้เต็มที่
- ควรให้ผลได้รับแสงสม่ำเสมอ และอยู่ในที่โปร่ง
การเก็บเกี่ยวและระยะเวลา
- ระยะเวลาจะประมาณ 40-45วัน หลังจากผสมดอกแล้ว ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ และฤดูกาลด้วย
- โดยในช่วงระยะผลเริ่มสุก ความต้องการน้ำของเมล่อนจะลดน้อยลง
- ตาข่ายเริ่มขึ้นนูนเห็นได้ชัด สีเริ่มเขียวเข้ม
- ดูที่ก้นผล ถ้าก้นผลนิ่ม แสดงว่าสุกมากเกินไป
- ต้นต้องไม่มีโรค
- ตรงขั้วของผลจะยกนูนขึ้น
- ในขั้นตอนการเก็บเกี่ยว ไม่ควรวางเมล่อนไว้บนพื้น ควรหาภาชนะมาใส่จะดีที่สุด
- ควรเก็บไว้ในที่อุณหภูมิไม่สูงและไม่โดนแดด เพื่อลดการหายใจของตัวเมล่อน
การเก็บรักษา
- ระยะเก็บรักษาจะอยู่ได้ประมาณ 2-3สัปดาห์
- จะต้อง ไม่มีโรค และแมลง ติดมาด้วย
- หลังจากเก็บให้ล้างทำความสะอาด และเก็บในอุณหภูมิประมาณ10 องศาเซลเซียส โดยไม่เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ
เพียงเท่านี้ เพื่อนๆก็จะสามารถปลูกเมล่อนได้อย่างไม่มีปัญหากันแล้วครับ
สามารถกดเข้าไปชม