ผักคราด (Para Cress)

ผักคราด ชื่อภาษาอังกฤษ คือ Para Cress


มีชื่อเรียกของผักคราด : ตามภาคดังนี้ ภาคเหนือเรียกว่า ผักตุ้มหู หญ้าตุ้มหู หรือผักเผ็ด ภาคกลางเรียกว่า ผักคราด หัวแหวน หรือผักคราด ส่วนจีนแต้จิ๋วเรียกว่า ฮึ้งฮวยเกี้ย

ถิ่นกำเนิดของผักคราด :  มาจากประเทศบราซิล

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของผักคราด : ผักคราดเป็นพืชชนิดล้มลุก ลำต้นกลมอวบน้ำ สีเขียวหรือม่วงปนเขียว มีลำต้น ตั้งตรง หรือ ทอด ตาม ดิน เล็กน้อย แต่ปลายชูขึ้น ลำต้นอ่อน จะมีลักษณะขนปกคลุมเล็กน้อยและถ้าลำต้นแก่จะมีรากงอกออกมา ใบ จะเป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน ขอบใบหยักเป็นฟันเฟือง และใบจะมีรูปร่างสามเหลี่ยม ผิวใบสากและมีขนก้านใบยาว ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกย่อย จะ มี 2 วง วงในเป็นดอกสมบูรณ์เพศ แต่วงนอกเป็นดอกตัวเมีย ดอกย่อยจะเรียงอัดแน่น เป็นกระจุกสีเหลือง ตายดอก แหลม คล้าย หัวแหวน ก้านดอกยาว ผลรูปไข่มีสีดำ

ฤดูกาลของผักคราด : ใบอ่อนและยอดอ่อน จะมี ตลอดทั้งปี แต่จะ สามารถ แตกยอด ได้มาก ในช่วง ฤดูฝน

แหล่งปลูกของผักคราด : ผักคราด ชอบขึ้นใกล้แหล่งน้ำ หรือตาม บริเวณที่ชื้นแฉะ และ พบเห็น ได้ ตามป่าละเมาะ หรือในป่าธรรมชาติ ชอบขึ้นปะปน กับต้นไม้อื่น

การกินของผักคราด : ภาคใต้ชอบนำ ยอดอ่อน ไปแกง กับปลา หรือ หอย ส่วน ภาคอีสานและภาคเหนือ จะ ชอบ กิน เป็นผักสด จิ้มกับน้ำพริก ใส่แกงแค แกงอ่อมต่างๆ หรือ ลาบก้อย

สรรพคุณทางยาของผักคราด :

  1. ดอก ช่วยรักษาโรค แผลในคอ และในปาก
  2. ดอก ขับน้ำลาย แก้เลือดออกตามไรฟัน
  3. ดอก แก้ไอ แก้ไข้
  4. ดอก แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ
  5. ดอก แก้ริดสีดวงทวาร
  6. ดอก แก้บิด
  7. ส่วนใบ แก้โลหิตเป็นพิษ
  8. ส่วนใบ แก้ปวดศีรษะ ปวดฟัน
  9. ผลปรุงเป็นยาแก้ร้อนใน
  10. ต้น ใช้แก้ไขข้ออักเสบ
  11. ต้น แก้พิษตานซาง
  12. ต้น แก้เลือดออกตามไรฟัน
  13. ราก ใช้ต้มดื่มเป็นยาระบาย หรือ
  14. รากเคี้ยวแก้ปวดฟัน แก้คัน และ
  15. รากยังใช้อมและบ้วนปาก
  16. รากแก้อักเสบในช่องปากได้ด้วย
  17. ส่วนเมล็ด เคี้ยวแก้ปากแห้ง
  18. ช่อดอกและก้านดอก มีสาร spilanthol มีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่

คุณค่าทางอาหารของผักคาด 100 กรัม

  1. ให้พลังงาน 11 กิโลแคลอรี่ (Kcal) ประกอบด้วย
  2. แคลเซียม 680 มิลลิกรัม (mg)
  3. โปรตีน 4.9 กรัม (g)
  4. เบต้าแคโรทีน 3708 ไมโครกรัม (µg)
  5. ไขมัน 1.4 กรัม (g)
  6. วิตามินเอ 618 มิลลิกรัม (mg)
  7. vitamin c 46 มิลลิกรัม (mg)