วันนี้ภูมิใจนำเสนอ รุ่นพี่ร่วมสถาบันของผมเอง ถึงแม้จะต่างรุ่น กันขนาดหนักก็ตาม แต่ผมก็รู้สึกภูมิใจเสมอ ที่ได้เห็น หรือได้ข่าวคราว รุ่นพี่ รุ่นเพื่อน หรือรุ่นน้อง ที่ประสบความ สำเร็จในชีวิต
พี่ นฤทธิ์ คำธิศรี จบปริญญาคณะประมง แต่ก็มาเป็นเกษตรกร ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ ด้วยใจรัก ถึงแม้อดีต จะเคยทำงานบริษัท แห่งหนึ่ง(บอกใบ้ให้ก็ได้ ที่เรากินกุ้งกินไก่ เขาอยู่ทุกวันนั่นแหละ) เป็นถึงผู้จัดการเงินเดือนเป็นแสน แต่ความสุขของชีวิต “ที่ได้ทำอะไรตามใจฝันนี่สิ สำคัญกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง”
ผมดูรายการ ปราชญ์เดินดิน ทางช่อง โมเดิร์นไนน์ ทีวี วันอาทิตย์สองทุ่มครึ่ง ถึงได้มารู้จักคนผู้ี้นี้
มีอีกอย่าง ที่อยากแนะนำ คือเวลาหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ จะมีที่หน้า 7 (ยกเว้นฉบับวันอาทิตย์) หน้านี้ จะสรุปงานงานวิจัย และความรู้ เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงตรงด้านล่างๆ จะมีคอลัมน์ “เกษตรกรบนแผ่นกระดาษ” นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับพืชต่างๆ ผมก็เลยอยากเป็นเกษตรกรเหมือนกัน แต่เป็น “เกษตรกรบนบล็อก” นะ
ผมนั่งดูรายการปราชญ์เดินดินตอน นฤทธิ์ คำธิศรี ผู้พิชิตความจน บอกได้คำเดียว ว่าชอบใจมากๆ
ด้วยความเสียดายในวิชาความรู้ที่เรียนมา และไม่อยากขัดใจพ่อบังเกิดเกล้า เขาจึงเข้าทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ในตำแหน่งนักวิจัย
ผมก็เสียดายในวิชาความรู้ที่เรียนมา เหมือนกัน เลยมานั่งเขียนบล็อกผักแห่งนี้ (ไม่อยากน้อยหน้าเด็กไอทีอ่ะ) อาจจะต่างกับพี่ นฤทธิ์ ในวิธีการ แต่ผมว่ามันก็อยู่ในอุดมการณ์เดียวกันนะ
ผมสรุปให้เลย จะเรียนจบอะไรมา หรือไม่จบอะไรมาเลยก็ช่าง หากอยากจะทำด้วยใจรักแล้ว ความสำเร็จไม่สำคัญ แต่ความสุข ในอิสระที่ได้ทำต่างหาก มันรู้สึกหอมหวาน ยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
ในส่วนของสาระ จากปราชญ์เดินดินตอนนี้ ผมสรุปย่อให้อีกเลย คนเราจะทำอะไรก็ช่าง มันต้องมีการศึกษา หาข้อมูลในสิ่งที่จะทำกันก่อน แล้วก็ต้องมีการวางแผน คนเราถ้าทำอะไรไม่มีแผน ก็เหมือนคนที่หลับตาเดินเข้าไปในป่า
ดังเช่น แผนการปลูกพืช จากพี่นฤทธิ์ ก็แบ่งเป็น ระยะสั้นมาก ระยะสั้น ระยะยาว และระยะยาวมาก (ไม่เห็นมีปานกลางเน๊อะ) พืชพวกระยะสั้นๆไปจนถึงปานกลาง ก็เป็นพวกพืชผัก อายุ 20-30 วัน ไปจนถึงพืชผลอายุเกือบปี เช่น กล้วย พวกระยะยาว ก็พวกต้นไม้ อย่างยางพารา และระยะยาวมากก็พวกต้นไม้ป่า ไม้สัก ไม้เต็ง อายุก็ 50 ปี ขึ้นไป พี่นฤทธิ์บอกว่า คงไม่ได้อยู่ใช้ (ผมก็ว่างั้นแหละ) แต่ลองเปิดความคิด เปิดใจให้กว้างสิ มันยังมีอะไรที่มีความหมาย และมีค่ากว่าชีวิตคนเราอีกนะ
วิธีการปลูกพืช เท่าที่ดูแล้ว เป็นไปในแนวเกษตรธรรมชาติ ซึ่งอยู่บนรากฐานแห่งความยั่งยืน กล่าวคือ ปลูกพืชให้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เช่น ปลูกต้นกล้วย ปลูกต้นยางพารา ปลูกพริก ปลูกฟัก ในหลุมเดียวกัน ให้ต้นกล้วยจะช่วยบังแดดให้กับพืชด้านล่าง ที่ยังเล็กอยู่ เมื่อพืชอายุสั้นให้ผลผลิตตายไปก่อน แล้วยางพาราก็โต ขึ้นมาแทน
ในสวนนี้ ไม่มีการกำจัดวัชพืช เหตุผลเพราะ “มันเหนื่อย” แต่เหตุผลที่มากกว่านั้นคือ ปล่อยให้หญ้ามันช่วยรักษาความชื้นให้กับไม้ใหญ่ จะได้ไม่ต้องเปลืองน้ำ และไม่ต้องเปลืองแรงรดน้ำ
พืชที่นี่ คนช่วยเหลือมันเพียง 20% อีก 80% ที่เหลือปล่อยให้มันหากินเอง ถ้าอยู่ไม่ได้ ตายไป ก็ปลูกใหม่
ที่นี่ไม่มีการจ้างคนงาน ใช้แต่แรงตัวเอง ปุ๋ย ที่ใช้ก็ให้แต่ปุ๋ยคอก และให้แบบสดๆเลย ไม่มีการเอาไปตากให้แห้งก่อน ประมาณว่ารับไม่ได้ก็ช่าง ตายซะ ปลูกใหม่ก็ได้
ผมก็คงจะต้องไปล่ะ รับได้ไม่ได้ก็ช่าง ขอไปเป็นเกษตรปลูก “บล็อก” หาเงินก่อนนะ…กำลังโตดีเลย 55
ไปดูรายการย้อนหลังกันได้ ตามลิ้งค์นี้นะครับ
http://hiptv.mcot.net/player/hipPlayer.php?SelectSpeed=256k&id=17985
yams
จริงๆก็น่าไปเป็นชาวไร่ชาวสวนเหมือนกันเนอะ
ปลูกผักที่เราชอบๆ ปลุกหลายๆอย่างเลย
อยากกินอะไรก็ปลูกไว้
แล้วก็เก็บผักที่เราปลูกไปทำกับข้าวกิน น่าจะมีความสุขดีเนอะ อิอิ
ปล. sucurity code ดูยากมั่ก เปลี่ยนไปสามรอบ แหะๆ
คนหล่อพอประมาณ
sucurity code เอาออกละ จะหาคนมาเม้นต์ก็ย๊ากยาก สปมสแปมไม่สนใจละ
iThip
ชอบเกษตรค่ะ ถึงจะจบปริญญาที่ไม่เกี่ยวกับเกษตร แต่ฝันว่าซักวันนึงต้องไปเป็นเกษตรกรเต็มตัวให้ได้ ชื่นชมคนที่มีอุดมการณ์ดีๆ อย่างคุณเจ้าของบล็อกค่ะ