ตาล (Palmyra Palm)

ตาล ภาษาอังกฤษ : Palmyra Palm

ตาลมีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ : Borassus flabellifer Linn.

ตาลมีชื่อเรียกตามภาคต่างๆดังนี้ : ภาคใต้เรียก “โหนด” ภาคกลางเรียกว่า ตาลใหญ่, ตาลโตนด กะเหรี่ยงใกล้จ.แม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ทอถู” กะเหรี่ยงใกล้จ.ตากเรียกว่า “ท้าง” ฉานใกล้แม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ตาล” เขมรเรียกว่า “ทะเนาต์”
ถิ่นกำเนิดของตาล : ตาลนั้นขึ้นอยู่แถบประเทศอินเดีย

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของตาล : ตาลเป็นพืชไม้ยืนต้น ชนิดหนึ่ง ลำต้น กลมเรียว สูงประมาณ 30 เมตรไม่แตกกิ่งก้านสาขาใบเดี่ยวเรียงสลับหนาแน่นบริเวณเรือนยอด เปลือกเป็นเสี้ยนแข็งรูปร่างคล้ายพัด ไปแยกเป็น 2 แฉก แต่ละแฉกคล้ายดาบยาวได้ถึง 140 cm ก้านใบเป็นก้านหนาแข็งขอบหยักเป็นหนามแบนคมสีดำ ดอกย่อยจะแยกเพศอยู่คนละต้น ซึ่งดอกออกเป็นช่อแตกแขนงขนาดใหญ่ดอกตัว เมียเป็นช่อเรียกว่า จั่นให้น้ำตาล ดอกตัวผู้เป็นช่อทรงกระบอกยาว เป็นงวงสีเขียว เมื่อแก่เป็นสีน้ำตาล ช่อดอกแทงออกจากต้นระหว่างก้านใบผลดิบสีเขียวเปลือกเรียบผลทรงกลมขนาดใหญ่ประมาณ 6 ถึง 8 นิ้ว ติดเป็นทะลาย เมื่อสุก หัวเป็นสีเหลือง ก้นเป็นสีดำ มีกลิ่นหอม ภายนอกมีขนเป็นเส้นใยส่วนภายในมีเมล็ดใหญ่และแข็งอยู่ ประมาณ 2-3 เมล็ด รูปกลมแบน

ฤดูกาลของตาล : ลูกตาลอ่อนจะมีในช่วง เดือนเมษายน ถึง เดือนมิถุนายน

แหล่งปลูกของตาล : ตาลสามารถพบได้ทั่วไปในทุกภาคของประเทศไทย

การกินตาลที่นิยม : นำตาลไปจั่นให้น้ำตาลใช้ทำน้ำตาลปี๊บ และน้ำตาลปึก ดอกอ่อนทั้งตัวผู้และตัวเมียนำไปแกง หัวลูกตาลอ่อนนำมาต้ม กับปลาร้าเรียกว่าปลาร้าหัวตาลหรือต้มจิ้มน้ำพริกตาลสุกนำมาทำขนมตาล

คุณประโยชน์และสรรพคุณทางยาของตาล :

  1. ใบแก้อาการ กระสับกระส่าย
  2. หลังคลอดคั่วให้เหลืองแล้วบดเป็นผงใช้ สูบหรือเป่า ลดความดันโลหิต
  3. ราก ใช้แก้ไข้ ร้อนในกระหายน้ำ
  4. รากแก้ทอนซิลอักเสบ
  5. รากช่วยขับพยาธิ แก้ซางเด็กและชูกำลัง
  6. ก้านใบสดหรือกราบตั้งไฟแล้วบีบเอาแต่น้ำอมแก้ปากเปื่อย และ
  7. แก้ท้องเสียท้องร่วงได้
  8. งวง แก้พิษตานซางขับพยาธิทำให้สดชื่น

คุณค่าทางอาหารลูกตาล 100 กรัม

  1. ให้พลังงาน 25 กิโลแคลอรี่ประกอบด้วย
  2. โปรตีน 0.6 กรัม (g)
  3. คาร์โบไฮเดรต 5.6 กรัม (g)
  4. แคลเซียม 14 มิลลิกรัม (mg)
  5. เส้นใย 0.3 กรัม (g)
  6. เหล็ก 0.3 มิลลิกรัม (mg)
  7. โพแทสเซียม 18 มิลลิกรัม (mg)

ขอบคุณรุปภาพจาก : flickr, By Bernard DUPONT