ขนุนมีชื่อสามัญว่า Jackfruit หรือมีอีกชื่อนึงทางวิทยาศาสตร์ว่า Artocarpus heterophyllus Lamk.

ผลขนุน

โดยในแต่ละภาคก็จะมีชื่อที่แตกต่างกันเช่น ในภาคใต้และเหนือ จะเรียกคล้ายๆกันว่า ขะ-หนุน ส่วนภาคอีสานจะเรียกอีกอย่างนึงว่า หมักมี่

โดยขนุนนั้นมีถื่นกำเนิดอยู่ในประเทศอินเดีย โดยมีลักษณะทางพฤกศาสตร์ดังนี้

ขนุนจัดว่าเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางเพราะลำต้นสูงประมาณ 15เมตร ไม้จะเป็นเนื้ออ่อน พร้อมกับมียางขาว

ขนุน

ใบขนุน

ใบจะมีลักษณะ กลมรีแต่ปลายแหลมและ ใบจะออกสลับกัน มีสีเขียวมันเงา

ดอกออกเป็นช่อมีสีเขียว โดยทั้งตัวผู้และตัวเมียก็จะอยู่ที่ต้นเดียวกัน โดยช่อดอกตัวผู้จะออกเป็นช่อและจะออกที่บริเวณง่ามใบหรือแถวๆปลายกิ่ง ออกมายาวประมาณ 2.5ซม. โดยดอกย่อยจะมีเกสรตัวผู้อยู่หนึ่งอัน ส่วนช่อดอกตัวเมีย จะมีลักษณะเป็นแท่งกลมยาวออกบริเวณลำต้น
ส่วนของผลขนุน มีลักษณะกลมยาว จะออกมามีขนาดเล็ก ก่อนรวมกันเป็นผลใหญ่โดยที่มีเปลือกด้านนอกลักษณะเหมือนมีหนามอยู่รอบๆผล เมื่อผลมีขนาดใหญ่จะมีน้ำหนักประมาณ 10-20 กิโลกรัม โดยที่เนื้อในจะมีสีเหลือง เมื่อสุกจะมีกลิ่นหอม
ต้นขนุน

ฤดูกาลที่ขนุนออกคือ ช่วงธันวาคมถึงเเดือนมกราคา ครั้งที่1 และช่วงเมษายนถึงพฤษภาคม เป็นครั้งที่2 และส่วนใหญ่ผลจะสุกมาในช่วง มกราคมถึงเดือนพฤษภาคม

โดยขนุนมีความพิเศษที่สามารถปลูกได้ทุกที่ทั่วประเทศไทย และสมัยก่อนมักจะนิยมปลูกกันไว้ตามบ้านเพื่อเก็บไว้รับประทานเพราะขนุนสามารถนำมาทำอาหารได้หลายอย่างเช่น ซังและยอดอ่อนนำไปทำแกงได้ ทั้งใบและยอดสามารถนำมาต้มกินเป็นผักสดหรือกับแกล้มก็ได้ ผลอ่อนนำไปต้มจิ้มน้ำพริกก็อร่อย ผลสุกกินสดได้เลยทั้งหวานหอมอร่อย หรือจะนำมาใส่ในลอดช่องก็อร่อยเหาะ

อาหารจากขนุน

สรรพคุณทางยา:
1. ผลแก่และผลอ่อน ช่วยบำรุงเรื่องผิวพรรณได้ และสามารถนำมาใช้เป็นยาระบายได้อีกด้วย
2. เปลือกที่หุ้มเมล็ดอยู่ สามารถบำรุงกำลังได้ โดยนำมาบดแล้วผสมเข้ากับน้ำผึ้งแล้วรับประทาน

3. ใบสด สามารถนำมาพอกแผลได้โดยการทำให้ละเอียดก่อน

4. ถ้าใบแห้ง สามารถนำมาโรยที่แผลได้หลังจากบดให้ละเอียด เพื่อรักษาแผลที่มีอาการเป็นหนอง

5. ถ้าหากมีอาการบวมหรืออักเสบ สามารถนำยางมาทาที่บริเวณที่อักเสบได้

6. ช่วยรักษาแผลหนอง ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ

7. สำหรับสตรีมีครรภ์ ก็จะมีฤทธิ์ช่วยขับน้ำนมหลังจากคลอดบุตรแล้วได้ดี

คุณค่าทางอาหารในขนุนอ่อน 100กรัม จะประกอบไปด้วย

  1. พลังงาน 20กิโลแคลอรี่
  2. แคลเซียม 8กรัม
  3. ฟอสฟอรัส 5มิลลิกรัม
  4. เหล็ก 0.5กรัม
  5. วิตามินบี1และบี2 0.5, 0.05 มิลลิกรัม