กานพลู
ชื่อสามัญ: Clove Tree, Clove
ชื่อวิทยาศาสตร์: Syzygium aromaticum (L.) Merr. & Perry
ชื่ออื่นๆ: กานพลูมีชื่อหลากหลายตามแต่ละถูมิภาค เช่นในจังหวัดทางภาคเหนือ จะเรียกว่าดอกจัน, จันจี่ หรือดอกจันทน์
ถิ่นกำเนิดของกานพลู: กานพลูมีถิ่นกำเนิดอยู่ใน 3ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย, อินเดีย และมาเลเซีย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของกานพลู
กานพลูจัดว่าเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบอ่อนแต่ปลายแหลม มีสีใบสีชมพูอมแดงอ่อน จะมีต่อมน้ำมันอยู่ทั่วทั้งใบ ดอกมีสีแดงเป็นช่อ และดอกจะออกเป็นช่อที่ปลายยอด มีกลีบเลี้ยงสีเขียวอมเหลือง และมีสีแดงอยู่ประปราย และดอกของกานพลูนั้นมีน้ำมันหอมระเหอยู่ ส่วนผลจะมีลักษณะเป็นรูปไข่และมีสีแดงเข้ม
ฤดูกาลที่กานพลูเจริญเติบโต: ปกติการเก็บดอกกานพลูจะนิยมเก็บในช่วงที่ดอกกำลังตูมอยู่ ซึ่งจะเป็นช่วงเดือนมิถุนายน – เดือนกุมภาพันธ์
แหล่งปลูก: จะปลูกกันในแถบภาคภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศไทย ใกล้กับชายฝั่งตามจังหวัดระยอง, ตราด
เมนูที่ทำจากกานพลู: กานพลูนั้นก่อนที่จะนำมาประกอบอาหารได้นั้นจะต้องนำไปคั่วก่อน เพื่อให้มีกลิ่นหอม ส่วนใหญ่จะใช้เป็นส่วนผสมในผักดอง, เครื่องแกง, น้ำมันกานพลู และยังสามารถนำน้ำมันกานพลูเพื่อใช้แต่งกลิ่นของอาหารหรือเนื้อสัตว์ได้
สรรพคุณทางยาและประโยชน์ของกานพลู
- เมื่อนำมาสกัดแล้วสามารถใช้แต่งกลิ่นได้ (ดอกตูม)
- สามารถช่วยขับลมได้
- สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียในปากและช่วยแก้อาการปวดฟันได้
- ช่วยแก้โรครำมะนาดหรือโรคปริทันต์
- สามารถช่วยแก้พิษน้ำเหลืองได้
- น้ำมันหอมระเหยยังสามารถช่วยไล่ยุงได้ด้วย
- ดอกตูมยังช่วยแก้อาการท้องเสียในเด็กได้
- ช่วยลดกรดในกระเพาะได้
- ช่วยลดอาการหน้ามืดตาลายลงได้
- ช่วยลดอาการอยากน้ำตาลลงได้และยังช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดด้วย
คุณค่าทางอาหารของกานพลู
โดยในกกานพลู 100กรัม จะประกอบไปด้วย
- พลังงานประมาณ 100 กิโลแคลอรี่
- โปรตีน 60กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 70กรัม
- ไขมัน 17กรัม